กรดคาไพรลิก (Caprylic acid)

กรดคาไพรลิก (Caprylic acid) ขนาดบรรจุ: 100 แคปซูล(Softgels)

 

ขนาดรับประทาน: ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง, พร้อมอาหาร

 

ผลิตโดยบริษัท Now Foods, สหรัฐเมริกา

 

หมดอายุ : 07/2023

 

ส่วนประกอบสำคัญต่อใน 1 แคปซูล ประกอบด้วย

 

กรดไขมันอิ่มตัว, Saturated Fat 1,000 มก.

กรดคาไพรลิก, Caprylic Acid [from 1 g of MCT Oil (Medium Chain Triglycerides)] 600 มก.

กรดคาไพรลิก (Caprylic Acid) หรือที่เรียกว่ากรดออกทาโนอิก (Octanoic) Caprylic Acid เป็นกรดไขมันอิ่มตัวสายโมเลกุลยาวปานกลาง (MCT) ที่พบได้ตามธรรมชาติ เช่นในน้ำนมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันในเมล็ดปาล์ม กรดคาไพรลิก เป็นกรดไขมัน 1 ใน 3 ชนิด ที่พบในน้ำมันมะพร้าว มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และต้านการอักเสบ ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้จึงทำให้กรดคาไพรลิก มีประโยชน์สุขภาพในหลายด้าน เช่น การใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อยีสต์, เชื้อรา, แบคทีเรีย , ปัญหาสุขภาพผิว, ความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร, เป็นอาหารให้จุลินทรีที่ดีในลำไส้ และภาวะคอเลสเตอรอลสูง นอกจากนี้ยังใช้เพื่อลดความเสี่ยงของการดื้อยาปฏิชีวนะ สามารถรับประทานกรดคาไพรลิกโดยตรงหรือทาที่ผิวหนังได้ เนื่องจากมีมวลโมเลกุลขนาดเล็กจึงสามารถดูซึมได้ดีทางผิวหนัง

 

MCT Oil (Medium Chain Triglyceride) คือ กรดไขมันอิ่มตัวสายโมเลกุลยาวปานกลาง มีอยู่ 2 ชนิด คือ กรดคาไพรลิก (caprylic acid) และกรดคาพริก (capric acid) สามารถดูดซึมเข้ากระแสเลือดตรงไปสู่ตับได้เร็ว และเปลี่ยนเป็นพลังงานได้อย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องอาศัยน้ำดีจากตับอ่อนมาช่วยย่อย ไขมันจึงเปลี่ยนเป็นพลังงานได้หมด ไม่เกิดการสะสมเป็นไขมันในหลอดเลือด หรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย และไม่ก่อให้เกิดไขมันชนิดทรานส์ (trans-fatty acids) เมื่อโดนความร้อนสูง

 

คุณประโยชน์ของ กรดคาไพรลิก (Caprylic Acid)

 

เผาผลาญเป็นพลังงานได้ทันที ไม่สะสมเป็นพลังงานสำรองในรูปของไขมันที่ไปสะสมในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

ลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์, กรดคาไพรลิก ให้พลังงานกับสมองได้อย่างรวดเร็ว เป็นอาหารทางคลินิกที่เกี่ยวกับความผิดปกติของกระบวนการเผาผลาญอาหารที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์ ระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง

รักษาสมดุลระดับไขมันในเลือดและระดับคอลเลสเตอรอล ลดไขมันไม่ดี (LDL) เพิ่มไขมันดี (HDL)

ลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เส้นเลือดตีบอุดตัน เลือดไหลไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ของร่างกายไม่เพียงพอ เนื่องจาก ภาวะไขมันในเส้นเลือดสูง

ลดความดันโลหิต (Low Blood Pressure)

ส่งเสริมให้ร่างกายสลายไขมันเพื่อให้ได้ คีโตน (Ketone) สำหรับใช้เป็นพลังงานแทนกลูโคส (Ketogenic Diet)

ต้านโรคติดเชื้อแคนดิดา(Candida infection) คือ โรคเชื้อราที่เกิดตามอวัยวะต่าง ๆ เช่น ช่องปาก คอหอยส่วนปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ที่อวัยวะเพศทั้งชาย-หญิง

ต้านเชื้อราบนผิวหนัง เช่น กลาก เกลื้อน เชื้อราตามซอกเล็บ

ลดการเกิดสิว ต้านเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยบริเวณผิวหนัง (Bacterial skin infections)

ลดความเสี่ยงของโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (inflammatory bowel disease | IBD)

ลดความเสี่ยงและความถี่ของโรคลมชัก Epilepsy, โรคที่ผู้ป่วยมีอาการชักซ้ำโดยที่ไม่มีปัจจัยกระตุ้นชัดเจน

สงเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร ต้านการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคโครห์น (Crohn’s Disease) เป็นโรคที่เกิดการอักเสบเรื้อรังของระบบทางเดินอาหารหรือลำไส้ โดยเกิดการอักเสบของเยื่อบุในระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ปวดท้อง ท้องเสียรุนแรง หรือน้ำหนักตัวลดลง

ความแตกต่างระหว่างน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น กับ MCT Oil (MCTs)

MCT Oil เป็นกรดไขมันอิ่มตัวสายโมเลกุลปานกลาง จะไม่มีกลิ่นและรสของน้ำมันมะพร้าวเหลืออยู่ ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้เป็นพลังงานได้เร็ว ประกอบด้วยกรดไขมันอิ่มตัว(saturated fatty acid) เพียง 2 ชนิด คือ กรดคาไพรลิก (caprylic acid) มีจำนวนคาร์บอน 8 อะตอม และกรดคาพริก (capric acid) มีจำนวนคาร์บอน 10 อะตอม

 

น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น จะประกอบด้วยทั้ง MCTs และ LCTs จะยังมีกลิ่นและรสของน้ำมันมะพร้าวเหลืออยู่ ในส่วนของกรดไขมันอิ่มตัวสายโมเลกุลปานกลาง (Medium-chain triglycerides | MCTs) จะมีครบทั้ง 4 ชนิด คือ กรดคาโพรอิก Caproic acid (C6), กรดคาไพรลิก Caprylic acid (C8), กรดคาพริกCapric acid (C10) และกรดลอริก Lauric acid (C12) ส่วนกรดไขมันอิ่มตัวสายโมเลกุลยาว (Long-chain triglycerides | LCTs) ที่มีอยู่ในน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น จึงทำให้ต้องใช้เวลาในการย่อยมากขึ้นก่อนถูกดูดซึมไปใช้

 

ข้อควรระวัง

 

ผู้ป่วยโรคตับ ไม่ควรรับประทาน

ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตต่ำ ไม่ควรรับประทาน

ผู้ที่มีภาวะ Mcad Deficiency หรือภาวะที่ร่างกายไม่สามารถย่อยไขมันได้ตามปกติ ไม่ควรรับประทาน