กรดฟุลวิก, Shilajit Fulvic Acid

กรดฟุลวิก, Shilajit Fulvic Acid Complex ขนาดบรรจุ 60 แคปซูล(Veggie Caps)

 

ขนาดรับประทาน: ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 1-2 ครั้ง, พร้อมอาหาร

 

ผลิตโดยบริษัท Jarrow Formulas, สหรัฐเมริกา

 

หมดอายุ : 06/2021

 

ส่วนประกอบสำคัญใน 1 แคปซูล

 

กรดฟุลวิก, PrimaVie (shilajit fulvic acid complex) 250 มก.

Shilajit คือ เรซิน (resins) เป็นสารที่ได้จากยางเหนียวของต้นไม้ ที่มีการสะสมตัวมาตั้งแต่ยุคการก่อตัวของเทือกเขาหิมาลัยในประเทศอินเดีย เมื่อ 50 ล้านปีก่อน มีลักษณะเป็นยางเรซิน มีสีขาวจนถึงน้ำตาลเข้ม มีแหล่งกำเนิดจากภูเขาหิมาลัยที่ความสูง 6,000 เมตร Shilajit มีสารอาหาร และมีแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า 80 ชนิด เป็นสะสารที่เป็นโมเลกุลขนาดเล็ก โดยเรซินชนิดนี้ ประกอบด้วย ไตรเทอร์พีน(Triterpenes), กรดฮัวมิก(Hemic Acid) และกรดฟุลวิก (Fulvic Acid) ด้วยเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบันจึงได้มีการแยกกรดฮัวมิก(Hemic Acid) และกรดฟุลวิก (Fulvic Acid) มาใช้ประโยชน์อย่างมากมายทั้งกับพืช และมนุษย์ โดยเฉพาะ กรดฟุลวิก ซึ่งมีคุณสมบัติในการนำพาแร่ธาตุ, ออกซิเจน และสารอาหารเข้าไปในเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย

 

กรดฟุลวิก (Fulvic Acid) มีคุณสมบัติสำคัญ 2 ประการ คือ

 

1. ช่วยในการนำส่งออกซิเจน และสารอาหารต่างๆ เข้าสู่เซลล์

2. นำสารพิษ(toxins), อนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ ออกมากำจัด

กรดฟุลวิก มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลายๆ ด้าน

 

เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และกำจัดอนุมูลอิสระ (immune-stimulating and antioxidan)

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง ลดภาวะสมองเสื่อม ทั้งจากอาการของโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) และโรคสมองเสื่อม Dementia

ลดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ

กำจัดสารโลหะหนักออกจากเซลล์

กำจัดเซลล์มะเร็ง ป้องกันและลดการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง

ลดการอักเสบในเซลล์

ลดอาการเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย

แก้อาการภาวะพร่องออกซิเจน (HYPOXIA) คือ ภาวะที่ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เป็นสาเหตุให้การทำงานของร่างกายและสมองบกพร่อง

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองและกล้ามเนื้อ

ข้อควรระวัง

 

ไม่ควรเก็บในตู้เย็น, เก็บในที่แห้งไม่โดนความร้อน

ขณะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตรไม่ควรรับประทาน

อายุต่ำกว่า 18 ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน

ผู้ที่เป็นโรคต่อไปนี้ไม่ควรรับประทาน โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple sclerosis), โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือโรคSLE (Systemic lupus erythematosus) และโรคข้อรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis)