แมกนีเซียม, Magnesium, High Absorption, 100% Chelated ขนาดบรรจุ 120 เม็ด
ผลิตโดยบริษัท Doctor’s Best, สหรัฐอเมริกา
หมดอายุ : 04/2021
ขนาดการรับประทาน ครั้งละ 2 เม็ด, วันละ 2 ครั้ง, ก่อนหรือหลังอาหาร
ส่วนประกอบสำคัญใน 1 หน่วยบริโภค( 2 เม็ด) ประกอบด้วย
- แมกนีเซียม, Magnesium (from magnesium lysinate glycinate chelate) 200 มก.
Magnesium Glycinate Chelated คือ แมกนีเซียมที่ผสมเข้ากับกรดอะมิโนไกลซีน ช่วยให้ดูดซึมได้ดี ร่างกายนำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ Doctor’s Best, Magnesium, High Absorption แมกนีเซียม ในรูป elemental ช่วยให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้สูงสุด ไม่มีผลข้างเคียงที่อาจทำให้มีอาการระบายถ่ายท้อง เหมือนแมกนีเซียม Magnesium Citrate ที่มีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อน ๆ
ธาตุแมกนีเซียม มีความสำคัญต่อระบบเผาผลาญและการสร้างกำลังให้กับร่างกาย การหดคลายกล้ามเนื้อ การส่งกระแสประสาท และการสะสมแร่ธาตุของกระดูก (bone mineralization) เป็นโคแฟคเตอร์ของเอนไซม์ (Enzyme cofactor) กว่า 300 ชนิด ผลที่ได้จากการกระตุ้นด้วยเอนไซม์เหล่านี้ เช่น การสังเคราะห์กรดไขมัน, การสังเคราะห์โปรตีน และการเผาผลาญกลูโคสไปเป็นพลังงาน นอกจากนี้แมกนีเซียมยังสำคัญต่อการสร้างสมดุลของระบบแคลเซียมในร่างกาย ซึ่งมีความสำคัญต่อต่อมพาราไทรอยด์(Parathyroid gland) หากมีฮอร์โมนชนิดนี้น้อยเกินไปจะทำให้ระดับแคลเซียมในเลือดต่ำ การดูดซึมแคลเซียมกลับที่ไตลดน้อยลง จะทำให้ระบบประสาท และกล้ามเนื้อไวต่อสิ่งเร้า มีอาการชาตามมือเท้า กล้ามเนื้อหดรัดตัว เกร็ง เป็นตะคริวที่มือและเท้า มีอาการชักกระตุก(tetany)บริเวณหน้า ปอดไม่ทำงาน
ความสำคัญของแร่ธาตุแมกนีเซียม (Magnesium)
- มีความจำเป็นต่อกระบวนการดูดซึมแร่ธาตุและวิตามินไปใช้ เช่น แคลเซียม วิตามินซี ฟอสฟอรัส โซเดียม และโพแทสเซียม
- เป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ ในร่างกาย
- มีความจำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
- มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงาน แก้อาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย
- เป็นแร่ธาตุที่ช่วยคลายความเครียด
- คนที่ดื่มสุราเป็นประจำมักขาดแร่ธาตุชนิดนี้
- ผู้ใหญ่ต้องการแร่ธาตุแมกนีเซียมประมาณ 200-500 มิลลิกรัม ทุกวัน
- สำหรับหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร สถาบันวิจัยแห่งชาติ สหรัฐอเมริกาแนะนำ ให้รับประทานแร่ธาตุแมกนีเซียม ขนาด 300 – 355 มิลลิกรัม
- ร่างกายของคนเรามีแร่ธาตุแมกนีเซียมอยู่ประมาณ 21 กรัม
หน้าที่และประโยชน์ของแมกนีเซียม (Magnesium)
- ช่วยเผาผลาญไขมันและเปลี่ยนเป็นพลังงาน
- ช่วยลดความดันโลหิต
- ลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะหัวใจวาย (Congestive Heart failure)
- ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอล
- ช่วยลดความรุนแรงของอาการเจ็บหน้าอก เนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (Angina pain)
- ลดความเสี่ยงของการเกิดนิ่วในไต(Kidney Stones) โดยแมกนีเซียม จะช่วยละลายแคลเซียมส่วนเกินและจะถูกขับออกไปกับปัสสาวะ จึงไม่เกิดการก่อตัวของแคลเซียม เป็นก้อนนิ่วในไต
- ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ(Cardiac arrhythmia) แก้อาการใจสั่น(Palpitation) เป็นอาการที่รู้สึกได้ถึงการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ มักเต้นเร็วขึ้น และอาจมีจังหวะการเต้นที่ผิดปกติ ไม่สม่ำเสมอ
- เป็นองค์ประกอบของกระดูกและฟัน ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง
- ช่วยป้องกันการสะสมของแคลเซียม ป้องกันการเกินนิ่วในไต และนิ่วในถุงน้ำดี
- บรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย, เกี่ยวข้องกับขบวนการเผาผลาญที่จำเป็นหลายขบวนการ ซึ่งส่วนมากแมกนีเซียมจะอยู่ในเซลล์และจะไปกระตุ้นน้ำย่อย โดยเป็น co-factor ของน้ำย่อยหลายชนิดซึ่งจำเป็นสำหรับการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต และกรดอะมิโนให้เป็นพลังงาน
- เกี่ยวข้องกับการคลายตัว (Relaxation) ของกล้ามเนื้อช่วยส่งเสริมการดูดซึม และการเผาผลาญของแร่ธาตุต่างๆ เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส โซเดียม และโพแทสเซียม
- ช่วยให้นอนหลับอย่างสงบเป็นธรรมชาติตลอดคืน ไม่ตื่นกลางคัน
- รักษาอาการขาอยู่ไม่สุข หรือโรคRLS (Restless legs syndrome) อาการนอนไม่หลับจนต้องลุกขึ้นมาเดิน พอง่วงไปนอนก็นอนไม่หลักอีก
- เมื่อรวมกับแคลเซียม จะทำงานคล้ายเป็นยาระงับประสาทจากธรรมชาติ ช่วยให้รู้สึกสงบ สำหรับแคลเซียมและแมกนีเซียม แร่ธาตุทั้ง 2 ตัวจะช่วยในการทำงานของระบบประสาท ควบคุมการหดและคลายตัวของกล้ามเนื้อ การขาดแร่ธาตุนี้จะทำให้เกิดตะคริวและรบกวนการทำงานของเส้นประสาท มีผลทำให้นอนไม่หลับ นอกจากนี้การขาดธาตุเหล็กและทองแดงจะทำให้หลับช้า นอนนาน และอาจตื่นกลางดึก
- ช่วยร่างกายในการใช้วิตามินบีรวม วิตามินซี และวิตามินอี ซึ่งจำเป็นสำหรับการส่งสัญญาณประสาท( nerve impulse) และ ป้องกันกล้ามเนื้อหดเกร็ง
- ลดอาการปวดเมื่อยเรื้อรัง หรือโรคปวดกล้ามเนื้อ (Fibromyalgia)
- ลดอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลียเรื้อรัง (Chronic Fatigue Syndrome | CFS)
- เพิ่มการหลั่งอินซูลิน โดยปกติพบว่าผู้ป่วยเบาหวานจะมีระดับของแมกนีเซียมในร่างกายต่ำกว่าปกติ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะเบาหวานขึ้นจอตา (Diabetic Retinopathy)
- แมกนีเซียม ช่วยเสริมการทำงานของเอนไซม์ที่ใช้วิตามินบี1 วิตามินบี2 และวิตามินบี6 ดังนั้น หากร่างกายขาดแร่ธาตุชนิดนี้ไป อาจส่งผลให้มีอาการที่เกี่ยวข้องกับการขาดวิตามินบีได้ เช่น อาการชัก
- จำเป็นในการเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดคือ กลูโคส ให้เป็นพลังงาน
- บรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS)
- สำคัญเกี่ยวกับการสังเคราะห์ DNA และ RNA ในระหว่างที่เซลล์แบ่งตัว
- บรรเทาและลดอาการไมเกรน การได้รับแมกนีเซียม ขนาด 200-300 มก.ร่วมกับวิตามินบี2 จะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนและจะช่วยลดความถี่ของการปวดลงได้
- ยับยั้งผมหงอก แมกนีเซียม จะช่วยให้ร่างกายผลิตเอนไซม์คะตะเลส(Catalase enzymes) ได้เพิ่มขึ้น ซึ่งเอนไซม์ชนิดนี้จะช่วยกำจัดไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ ที่ขัดขวางการสร้างเม็ดสีของเส้นผมได้ ควรทานคู่กับอะมิโน เมธไธโอนีน(L-Methionine) ซึ่งกรดอะมิโนชนิดนี้จะช่วยกำจัดไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ ที่เข้าทำลายเมลาโนไซท์(melanocyte) ซึ่งทำหน้าที่สร้างเม็ดสีให้กับเส้นผม
- ขณะตั้งครรภ์ ร่างกายต้องการแมกนีเซียม เพิ่มขึ้น เพื่อลดความความเสี่ยงของภาวะครรภ์เป็นพิษ(toxemia) การคลอดก่อนกำหนด(premature delivery) ภาวะการคั่งของน้ำ(fluid retention) ภาวะทารกโตช้าในครรภ์(Fetal Growth) ทั้งนี้ การรับแมกนีเซียมเสริมขณะตั้งครรภ์ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์