จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | 0 ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | กล้ามเนื้อ ข้อเสื่อม และกระดูก |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ไฮไลท์ |
วิตามินดี3, Vitamin D-3 High Potency 2000 IU ช่วยในการกระตุ้นการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส การสร้างกระดูกและฟัน ป้องกันเยื่อบุตาอักเสบ จำเป็นในการทำงานของระบบประสาท
|
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
วิตามินดี3, Vitamin D-3 High Potency 2000 IU ขนาดบรรจุ 30 เม็ด(Softgels)
ผลิตโดยบริษัท Now Foods, สหรัฐอเมริกา
หมดอายุ : 08/2022
ขนาดการรับประทาน วันละ 1 เม็ด, พร้อมอาหาร
ส่วนประกอบสำคัญใน 1 เม็ด
วิตามิน ดี3, Vitamin D3 (as Cholecalciferol) (From Lanolin) 50 มคก.(2,000 IU)
ประโยชน์ของวิตามินดี3
วิตามินดีช่วยในการกระตุ้นดูดซึมแคลเซียม และฟอสฟอรัส มีความสำคัญในการสร้างกระดูกและฟัน และการเจริญเติบโตตามปกติของเด็ก ช่วยในการเก็บสำรองแร่ธาตุไว้ในกระดูกและฟัน
ช่วยในป้องกันโรคเยื่อบุตาอักเสบ ลดการอักเสบของเยื่อบุตา
ช่วยควบคุมระดับแคลเซียมในเลือด ลดการขับแคลเซียมออกจากร่างกาย
ควบคุมความดัน
ป้องกันการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้
วิตามินดีมีผลต่อการดูดซึมกลับของกรดอะมิโนที่ไต ถ้าขาดวิตามินดี กรดอะมิโน ในปัสสาวะจะเพิ่มขึ้น ถ้าวิตามินดีเพียงพออัตราการดูดซึมกลับกรดอะมิโนจะปกติ และในปัสสาวะจะลดปริมาณลง
ช่วยสังเคราะห์น้ำย่อยใน mucous membrane ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายแบบ active transport ของแคลเซียมให้ข้ามเซลล์ไปได้ง่าย
ควบคุมปริมาณของแคลเซียม และฟอสฟอรัสในกระแสโลหิตไม่ให้ต่ำลงจนถึงขีดอันตราย เช่น แคลเซียมจะต้องอยู่ในเลือดประมาณ 7 มิลลิกรัม/เดซิลิตร โดย วิตามินดี จะกระตุ้นการดูดแคลเซียมในลำไส้ เพราะมิฉะนั้นแคลเซียมจะถูกขับออกจากร่างกายไปหมด และวิตามินดี จะกระตุ้นการนำเอาฟอสฟอรัส มาใช้โดยทำหน้าที่กระตุ้นตลอดเวลา
เกี่ยวข้องกับการใช้ฟอสฟอรัสในร่างกาย
ช่วยสังเคราะห์ Mucopolysaccharide ซึ่งเป็นสารที่จำเป็นในการสร้างคอลลาเจน
เกี่ยวข้องกับการใช้คาร์โบไฮเดรต
เกี่ยวข้องกับการใช้เกลือซิเตรทในร่างกาย
หน้าที่โดยทางอ้อมก็คือ วิตามินดีจำเป็นในการทำงานของระบบประสาท การเต้นของหัวใจ การแข็งตัวของเลือด เพราะหน้าที่เหล่านี้ จะสัมพันธ์กับการมีอยู่ และการใช้แคลเซียมและฟอสฟอรัส ของร่างกาย
ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
กระบวนการเกินอนุมูลอิสระ(Oxidative Stress) และการอักเสบ คือปัจจัยพื้นฐานของการพัฒนาของโรคหลายโรคที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอายุที่เพิ่มมากขึ้น จากการทดสอบทางคลินิกพบว่า วิตามินดี สามารถช่วยยับยั้งการติดเชื้อ นั่นหมายความว่า วิตามินดี ให้การปกป้องเพิ่มเติมไม่ให้เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ สภาวะเสี่ยงก่อนเป็นเบาหวาน โรคหัวใจล้มเหลว โรคลมปัจจุบัน และโรคหัวใจ ชนิดอื่นๆ
นักวิจัยหลายคนได้ชี้ให้เห็นว่า วิตามินดี มีผลกระทบกับยีนส์มนุษย์อยู่ 200 ยีนส์ และมีความสำคัญกับการทำงานปกติของระบบภูมิคุ้มกัน และการแบ่งตัวของเซลล์ หากวิตามินดี ในร่างกายอยู่ในระดับที่ไม่เหมาะสม กระบวนการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการทำให้อายุของเซลล์ยืนยาวขึ้นจะมีประสิทธิภาพลดลง สาเหตุนี้ นำไปสู่การแบ่งเซลล์ที่ผิดปกติ และนำมาซึ่งความเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
เมื่อได้รับวิตามินดี ทางปากมันจะถูกเปลี่ยนให้อยู่ในรูปทางชีวภาพที่ สามารถทำงานได้ นั่นหมายความว่า วิตามินดี จะถูกเปลี่ยนให้อยู่ในรูปวิตามินดี3 (Vitamin D3) การเปลี่ยนรูปอย่างไม่สมบูรณ์ของวิตามินดี อาจก่อให้เกิดปัญหา ในเรื่องของสภาวะขาดแคลนวิตามินดีได้ ด้วยเหตุนี้แพทย์จึงแนะนำให้ผู้ที่รับประทานวิตามินดี เสริมอาหาร ควรบริโภควิตามินดี ในรูปแบบที่พร้อมทำงานได้ทันที ซึ่งนั่นก็คือ วิตามินดี3 (Vitamin D3)
การขาดวิตามินดี ทำให้กระดูกอ่อน ขาโก่ง ฟันผุ กล้ามเนื้ออ่อนแรง เมื่อเกิดอุบัติเหตุทำให้กระดูกหักง่าย การขาดวิตามินดีจะยับยั้งการหลั่งอินซูลิน จึงเพิ่มการเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน
การขาดวิตามินดีเกิดขึ้นได้เมื่ออายุมากขึ้น โดยวารสาร The American Journal of Clinical Nutrition ชี้ให้เห็นว่าการย่อยและการดูดซึมไขมันที่ผิดปกติในผู้สูงวัย อาการเบื่ออาหาร มีปัญหาเกี่ยวข้องกับตับ ไต หรือมีกิจวัตรประจำวันที่อยู่แต่ในอาคาร ไม่ถูกแสงแดดเป็นเวลานาน อาจเป็นสาเหตุของการขาดวิตามินดี
หลังอายุ 40 ปี อัตราการสลายของกระดูกในผู้ชายจะเพิ่มขึ้นจากน้อยกว่า 0.5 เปอร์เซ็นต่อปีเป็น 0.5 ถึง 1 เปอร์เซ็นต่อปี การดื่มเครื่องดื่มบางชนิดเป็นประจำอาจเร่งการสูญเสียแคลเซียมด้วย เช่น กรดฟอสฟอริกในน้ำอัดลมจะกระตุ้นให้กระดูกสลายแคลเซียมเพิ่มขึ้น แอลกอฮอล์ กาเฟอีนในกาแฟ และเครื่องดื่มชูกำลัง มีฤทธิ์ขัดขวางการดูดซึมและกระตุ้นให้ร่างกายขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะเพิ่มขึ้น
ในวัยผู้ใหญ่หากขาดวิตามินดีจะทำให้เกิดโรคกระดูกอ่อน (Osteomalacia) โดยกระดูกจะอ่อน ไม่แข็งแรง ส่วนใหญ่เกิดบริเวณกระดูกขา กระดูกสันหลัง และกระดูกเชิงกราน ทำให้รูปร่างผิดปกติ เช่น หลังโก่ง เจ็บปวดตามข้อ ปวดกระดูก กระดูกเปราะและหักง่าย นอกจากนี้อาจเกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุก เป็นเหน็บชาและอาจทำให้เกิดอาการชักได้
ร่างกายต้องการวิตามินดี วันละ 400-800 IU หรือ 10-20 ไมโครกรัม โดย คนที่อายุต่ำกว่า 50 ปีต้องการ 200 IU ซึ่งได้จากอาหารเพียงพอ อายุ 51-70 ปี ต้องการ 400 IU ซึ่งการได้รับจากอาหารอาจไม่เพียงพอ จึงควรได้รับเสริมพบว่า ผู้ที่รับประทานวิตามินดี 482-770 IU ต่อวัน มีการเพิ่มของมวลกระดูก หากอายุ 70 ปีขึ้นไปต้องการ 600 IU ซึ่งจำเป็นต้องได้รับเสริม
ข้อควรระวัง: การได้รับวิตามินดี มากเกินกว่า 5 เท่า ของปริมาณที่กำหนด จะส่งผลเสียต่อร่างกายในด้านต่างๆ ดังนี้
ทำให้เกิดการดึงแคลเซียม จากกระดูกไปพอกที่ผนังหลอดเลือด หัวใจ ปอด และไต
เกิดการสะสมที่ตับ ทำให้เกิดพิษได้
จะทำให้คอเลสเตอรอลสูงเกิดโทษได้
สตรีมีครรภ์หากได้รับวิตามินดี มากเกินไป จะทำให้ทารกมีความผิดปกติใน ระบบหลอดเลือด
|
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |